จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันจันทร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2562

สุดเจ๋ง! หนุ่มสารคาม ประดิษฐ์รถจากถังเก่า งบไม่ถึงสองหมื่น ขับได้จริงวิ่งสบาย

โดย เจ้าของร้าน



เมื่อผู้ใช้งานเฟซบุ๊กชื่อ Watcharaphong Phaphan หรือชื่อจริง คือนาย วัชระพงษ์ พาพาน อยู่บ้านเลขที่ 16 หมู่7 บ้านหนองจิก ต.พระธาตุ อ.นาดูน จ.มหาสารคาม ได้เผยแพร่ภาพพร้อมวิดีโอการสาธิตการขับมินิคาร์ที่เป็นผลงานประดิษฐ์ของตัวเอง


โดยใช้วัสดุเป็นเศษถังน้ำมันเก่า รวมถึงอะไหล่ และชิ้นส่วนเก่ารถยนต์เล็กที่แทบหาค่าไมได้ นำมาประดิษฐ์ติดตั้งเครื่องยนต์ขนาดเล็ก ใส่ล้อ พ่นสีตกแต่งเป็นรถสวยงามเป็นรถมินิคาร์ใช้งบประมาณในการประดิษฐ์ไม่ถึงสองหมื่นบาทและสามารถขับได้จริงอีกด้วย ซึ่งตามโพสต์ระบุว่า ประดิษฐ์จากเศษถังที่ไม่มีราคามาเป็นมินิคาร์สไตล์เรา งบไม่เกินสองหมื่นก็ได้รถที่เป็นแนวของตัวเอง #ลองทำกันดูนะครับ”
เมื่อภาพถูกเผยแพร่ชาวเน็ตต่างให้ความสนใจแห่แชร์เป็นจำนวนมากต่างชื่นชมฝีมือหนุ่มคนดังกล่าวที่ประดิษฐ์รถมินิคาร์จากเศษถังเก่าๆมาเป็นรถได้ดูแล้วอยากลองทำตามมีไว้ขับบ้างเชื่อว่าหลายๆคนย่อมมีพรสวรรค์ ในหลากหลายเรื่องที่แตกต่างกันไป อย่างเช่นหนุ่มหาสารคามรายนี้ก็เช่นกัน ผุดไอเดียแหวกแนว ประดิฐษ์มินิคาร์จากถังเก่าๆ แถมยังวิ่งได้จริง ทำเอาคนที่ผ่านไปมาต่างตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก
ขณะที่ผู้สื่อข่าวจังหวัดมหาสารคาม ได้ลงพื้นที่ไปพบกับนายวัชระพงษ์ พาพาน เจ้าของไอเดียประดิษฐ์รถคันดังกล่าว เล่าให้ฟังว่า เริ่มแรกอยากจะมีรถขับเป็นของตนเอง และประดิษฐ์ของเล่นให้ลูกชาย เมื่อมีโอกาสไปเดินของถม ได้ซื้อชิ้นส่วนและอะไหล่เก่ารถสะสมไว้ และนำเศษถังมาประดิษฐ์ ส่วนใหญ่อะไหล่ที่นำมาประดิษฐ์จะเป็นชิ้นส่วนเก่า จะใหม่เฉพาะเครื่องยนต์ ยาง และชุดส่งกำลัง รวมค่าใช้จ่ายไม่ถึง 20,000 บาท แต่สามารถนำออกมาวิ่งบนถนนได้จริง
ภาพ/ข่าว พิเชษฐ ยากรี ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.มหาสารคาม

จงอย่าคาดหวังอะไรจากลูกๆ ถึงแม้คุณจะเลี้ยงดูเขามาก็ตามเพราะ….




จงอย่าคาดหวังอะไรจากลูกๆ ถึงแม้คุณจะเลี้ยงดูเขามาก็ตามเพราะ….

แน่นอนคุณพ่อคุณแม่ที่มีอายุมากขึ้นย่อยมีเรื่องน้อยใจคิดมากเรื่องลูกเสมอ ลูกไม่มีเวลาบ้าง ลูกไม่รักบ้าง แต่วันนี้เรามีบทความดีๆมาให้คุณพ่อคุณแม่ทุกคนอ่านกันค่ะ ยิ่งอายุเกิน 50 ยิ่งต้องอ่านเลย
อย่าคาดหวังอะไรมาก จากลูกๆ ต่อให้คุณชุบเลี้ยงใครไว้ดูแลคุณยามแก่เฒ่า เขาก็ต้องวุ่นวายกับการงานและภาระผูกพันต่างๆ เกินกว่าจะเวลามาช่วยเหลือดูแลอะไรคุณได้มากนัก คนอายุเกิน 50 อย่างคุณต้องเลิกเอาสุขภาพไปแลกกับความร่ำรวยได้แล้วมีเงินเท่าไรก็ซื้อสุขภาพคืนมาไม่ได้ ปวดกล้ามเนื้ออย่าปล่อยไว้ ดีขึ้นได้แค่ใช้สมุนไพรคุณสัมฤทธิ์
ดังนั้น..ตราบใดที่คุณยังมีข้าวปลาอาหารกินอย่างเพียงพอ มีเงินพอใช้สอยได้ทุกวัน เพียงเท่านี้ก็ดีเหลือหลายแล้ว อายุเท่านี้แล้ว คุณควรอยู่อย่างเป็นสุข ทุกบ้านต่างก็มีปัญหาของตนเอง อย่ามัวไปคิดเปรียบเทียบ แก่งแย่งแข่งดีกัน ไม่ว่าชื่อเสียง ฐานะในสังคม หรือความก้าวหน้าของ เ ด็ ก ๆ ฯลฯ
สิ่งที่ควรจะแข่งกันจริงๆนั้น คือแข่งกันมีความสุข, มีสุขภาพดี และอายุยืนนาน ส่วนอะไรที่เราเปลี่ยนมันไม่ได้ ก็อย่าไปฝังอกฝังใจให้ป่วยการและทำลายสุขภาพตัวเองเลย อายุป่านนี้แล้วก็ยังเปลี่ยนมันไม่ได้
หลัง 50 แล้วอย่างนี้ คุณต้องค้นหาหนทางของคุณเองที่จะสร้างชีวิตที่เป็นอยู่ดีๆ และสุขสดใสขึ้นมาให้ได้ ตราบใดที่มันทำให้คุณอารมณ์ดีคิดถึงแต่สิ่งที่ทำให้ ทำอะไรก็สุขสนุกกับมันอยู่ทุกวัน นั่นก็หมายความว่าคุณได้ผ่านวันเวลาอย่างเป็นสุขแล้ว ทุกวันที่ผ่านไป คุณจะสูญเสียไป ๑ วัน
แต่ถ้ามันผ่านไปอย่างเป็นสุข วันนั้นคือกำไรชัดๆเลย จิตใจที่ดี จะช่วยรักษาโรคภัยได้ ถ้าจิตใจเป็นสุขโรคก็จะหายเร็วขึ้น แต่ถ้าจิตใจทั้งดีทั้งเป็นสุขด้วยแล้ว
ความเจ็บป่วยจะไม่มีทางมาแผ้วพานได้เลย ด้วยอารมณ์ที่ดีแจ่มใสอยู่เป็นนิจ ออกกำลังกายให้เพียงพอ อยู่กลางแจ้งบ่อยๆ กินอาหารให้ครบหมู่ ได้วิตามินและแร่ธาตุอย่างเพียงพอ เพียงเท่านี้ก็เชื่อได้แน่นอนว่า ชีวิตที่เป็นสุข อีก 30 หรือ 40 ปี จะเป็นของคุณแน่นอน
เหนือสิ่งอื่นใด…คุณต้องรู้จักบ่มเพาะและเก็บเกี่ยวความสุขดีๆจากการได้อยู่ ได้เที่ยว ได้คุยกับเพื่อนๆ เพราะเขาเหล่านี้จะช่วยให้คุณรู้สึกเยาว์วัยและมีความหมายอยู่เสมอ ขาดพวกเขาเมื่อใด..คุณจะต้องรู้สึกสูญเสียอย่างแน่นอน
หลังจากอ่านบทความจบแล้วอย่าลืมนำไปใช้ในชีวิตประจำวันกันนะคะ เพื่อความสุขที่สมบูรณ์แบบ ความสุขสร้างง่ายๆที่ตัวเรา ความรักและรอยยิ้มอยู่รอบตัวอย่ามองข้ามและจมอยู่กับความเศร้าอีกเลย
_____________________________
ขอขอบคุณ : ข่าวน่ารู้

แห่งแรกของภาคอีสาน ย้ายสายไ ฟลงใต้ดิน บรรยากาศสวยงามและน่าอยู่มาก!!


ซึ่งกลายเป็นที่ประทับใจอย่างมากหลังที่จังหวัดนครพนมได้เก็บสายไ ฟลงใต้ดิน ทำให้ประชาชนมีความฮือฮาเป็นอย่างมาก เพราะทำให้ตัวเมืองมีความสวยงามและสงบมากยิ่งขึ้นและถือเป็นเมืองสวยงามแห่ง หนึ่งของประเทศไทย
โดยทางเขตเทศบาล นอกริมฝั่งโขงแล้วทยอยนำสายไ ฟลงใต้ดินอีกด้วย โดยบริเวณกลางเมืองอย่าง นิตโย จาก บายพาส จนถึ แลนมาร์ค ก็ไม่มีสายไ ฟทำให้ให้เมืองสวยงามอีกด้วย

สวยงามเป็นระเบียบมาก
บรรยากาศดีมากมองไปสบายสดชื่น
เป็นยังไงกันบ้างกับบรรยากาศที่สบาย อยากให้ทุกที่ได้สัมผัสกัน

ไอเดียรีโนเวทบ้านไม้เก่าๆ ให้กลายเป็นบ้านสุดบาหลี!!

ไอเดียรีโนเวทจากบ้านไม้เก่าๆ ร้างๆ ให้กลายเป็นบ้านสวยสไตล์บาหลี สำหรับคนที่มีบ้านไม้เก่าๆ อายุนานๆ กำลังหาไอเดียสำหรับรีโนเวทบ้านของตัวเองอยู่ นี่ก็เป็นอีกไอเดียที่คุณสามารถนำไปใช้ได้ เราไปดูกันเลยดีกว่าครับ
เริ่มเรื่องราวเลยละกันครับ ผมชื่อ วิชัย เป็นคนจังหวัดยะลาและได้ย้ายมาอยู่ที่จังหวัดเชียงรายโดยการหาซื้อที่ดินเปล่าเพื่อจะสร้างบ้าน แต่ด้วยความที่ว่าที่ดินที่เชียงรายค่อนข้างแพงมาก เลยมองหาบ้านมือสองจากธนาคาร และผมได้มาเจอบ้านหลังนี้จากธนาคารทหารไทย ในราคาที่ 813,000 ตอนแรกแทบไม่กล้าเข้าเลยเหมือนกันครับ จากสภาพตามรูปที่เห็น
รูปข้างบนเป็นรูปสถานที่จริงนะครับ บ้านหลังนี้ผมได้สอบถามจากเพื่อนบ้านว่าทำไมถึงรกร้างน่ากลัว เพื่อนบ้านบอกว่า เจ้าของเก่าเป็นหนี้ธนาคารอยู่ค่อนข้างเยอะ และเป็นหนี้นอกระบบอยู่พอสมควร ตอนแรกแอบกลัวว่าเป็นบ้านผีสิงรึเปล่า 555 ตามประสาละครับ ถ้าได้เห็นตอนแรกเลย แต่เพื่อนบ้านบอกเข้าไปดูได้ เพราะไม่มีใครสนใจ แต่ข้างในเป็นไม้อย่างดีทั้งหมดครับ ด้วยพอถามจากเพื่อนบ้านคร่าวๆ แล้ว ผมจึงถือวิสาสะเขาไปเพราะบ้านไม่ล๊อคอะไรครับ มุดเข้าไปด้านข้าง ซึ่งพอเข้าไปก็จะเจอภาพราวๆ นี้ครับ แต่รูปนี้ต้องบอกก่อนว่าเป็นรูปหลังจากที่เก็บกวาดไปหน่อยแล้วนะครับ เพราะจริงๆ แล้ว บ้านรกและขึ้นเป็นป่าเลย

บ้านหลังนี้มีเนื้อที่ราวๆ 1ไร่1งาน 93 ตารางวาครับ ตัวบ้านเป็นทรงโรงงานครับ เพราะเจ้าของเก่าทำธุรกิจค้าไม้น่ะครับ บ้านทั้งหลังจึงเป็นบ้านไม้ซึ่งจะประกอบด้วยบ้านหลังเล็กขนาดกำลังน่ารักเลยครับ ตอนเข้ามาดูยังแอบตกใจกับความสวยของไม้เลยครับ ว่าทำไมถึงเหลือมาถึงผมได้
แล้วบ้านหลังใหญ่ครับ ซึ่งเป็นบ้านทรงที่ค่อนข้างแปลก แต่ในความรู้สึกคือก็สวยดีนะ ไม้ทั้งนั้นเลย รูปนี้ขอลงรูปบ้านที่ทำไปซักหน่อยแล้วนะครับ คือรูป
จากนั้นผมก็ได้เข้ามาดูในตัวบ้านใหญ่ ซึ่งขอบอกเลยว่า ฝุ่นเยอะจริงๆ และค่อนข้างหนาด้วยครับ ซึ่งบ้านหลังใหญ่นี้จะประกอบไปด้วยห้องนอน 4 ห้อง ซึ่งเป็นไม้หมดครับ เดี่ยวผมค่อยๆ อัพให้ดูตอนหลังนะครับ และห้องรับแขก 1 ห้อง ห้องโถง ที่เห็นในรูป และจะมีห้องเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งผมไม่ได้ถ่ายเก็บไว้ เพราะไม่เคยคิดจะเอารูปมาโพสน่ะครับ แต่ละห้องเป็นไม้จริงๆ รวมได้ทั้งหมดรวมบ้านหลังนี้ห้องนอน 8 ห้องครับ ทุกอย่างอยู่ในสภาพดีหมด ยกเว้นห้องนอนห้องด้านล่างซึ่งโดนปลวกกินไป 1 ห้องครับ พอดูคราวๆ ผมก็ไม่รู้ติดใจอะไรขึ้นมา ไปดำเนินการซื้อบ้านหลังนี้เลยครับ ทั้งๆ ที่แม่ผม ไม่ค่อยจะเห็นด้วยเพราะแกบอกว่าดูมันน่ากลัวแปลกๆ รูปนี้อีกรูปครับ ด้านภายนอก
เริ่มด้วยการรื้อต้นไม้จากภายนอกบ้านเลยครับ ใช้เวลาเยอะมาก เพราะต้องการให้เหลือโครงเก่าๆ ไว้เท่าที่จะทำได้ครับ และจังหวะเดียวกัน จ้างผู้หญิงมาเป็นแรงงานในการล้างพื้นบ้านทั้งหมด ขอบอกเลยว่าหลายวันมากครับ
แล้วเราก้อเข้ามาดูงานในบ้านด้วยครับ ในการทำรอบแรกนี้ จ้างแรงงานชาย7 แรงงานหญิงอีก5ครับ ซึ่งก้อดีใจในส่วนหนึ่งครับ ลุงป้าน้าอา ที่อยู่ข้างบ้าน มาทำงานในนี่หมดเลยครับ เลยไม่ต้องลำบากหาช่างในรูปที่เห็นคือต้นไม้ภายในรั้วบ้านน่ะครับ ตัดออกไปเยอะมากครับ อยากจะบอกว่า มีสัตว์หลายชนิดมากครับที่มาอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ที่น่ากลัวสุดคือตุ๊กแกกับงูครับขอบอกเยอะมาก
มาต่อที่งานหน้าบ้านต่อนะครับ เพราะต้องเป็นงานที่ค่อนข้างเร่ง เพราะไม่มีรั้วครับ ข้อเสียของผมคือไม่มีประสบการณ์ในการทำบ้านมาก่อนเลยครับ คิดออกแบบไหนก็ให้ช่างทำแบบนั้น
ใช้เวลาคร่าวๆ ประมาณ 1 เดือนครับกว่าจะเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา



ลืมบอกไปนะครับ ไฟฟ้าที่นี่สายไฟภายในหายหมดครับ โดนขโมย ทั้งสายไฟและบานประตู
พอหน้าบ้านเริ่มดูดีขึ้นมาครับ ก็ไปก่อสร้างรั้วรอบบ้าน ซึ่งมันล้มเยอะพอสมควรครับ เพราะเห็นว่าตอนที่ถูกยึดไม่มีใครดูแเลยครับ
พอทุกอย่างเริ่มเข้าที่ ผมก็เริ่มจัดแจงในบ้านครับ รื้อส่วนที่ผุและโดนปลวกกินไปเปลี่ยนไม้ใหม่ ไม่เคยคิดมาก่อนครับ ยากมาก เพราะไม่เคยน่ะครับ แต่ดีนะครับ ช่างพอปรึกษาได้บ้างและค่าจ้างคือรายวัน ตัวนี้ทำไปแบบงงกับตัวเองอ่ะครับ เป็นห้องนอนชั้นล่าง
แล้วก็มารื้อห้องน้ำซึ่งเจ้าของเก่า ทำเป็นห้องเล็กๆ และมีห้องอบสมุนไพร แต่เจ้าของกระทู้ตัวใหญ่เข้าไม่ได้เลยต้องดัดแปลงหน่อยครับ
ไหนๆ ก็ยังวนเวียนอยูในบ้านหลังเล็ก ขอพาไปดูตัวบ้านเล็กหน่อยเลยละกันครับ ว่าจะน่ากลัวรึน่าอยู่ ลองดูกันนะครับ เป็นบ้าน 2 ระดับน่ะครับ

ตามด้วยห้องรับแขกครับ รูปที่เห็นไม่ได้ต่อเติมหรือซ่อมแซมนะครับ เพราะในตัวบ้านหลังใหญ่ เมื่อเราเก็บฝุ่นออกหมด ขอบอกครับ ผมนี่โคตรดีใจเลย
ตามมาติดๆ ด้วยเคาเตอร์บาร์ มุม ชิวๆ ในบ้าน ที่ล้างฝุ่นออกไป
หลายท่านคงยังสงสัย แล้วห้องน้ำในบ้านหลังนี้เป็นแบบไหนกัน หลังจากที่ผมรื้อมาทำใหม่



ขอขอบคุณที่มา  : Pantip.com , Thaimungs.com
เรียบเรียงโดย : เป็นตาฮัก

เพาะเห็ดตับเต่าขาย สร้างรายได้เดือนละหลายหมื่น ไม่พอขาย


ป้าเดือนเพ็ญ รื่นรส ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเห็ดตับเต่าคลองโพ เล่าให้ฟังว่า สาเหตุที่เพาะเห็ดตับเต่าเนื่องจากได้ไปเก็บเห็ดในป่าและดงโสนมาทำอาหารกินในครัวเรือน เมื่อพ่อค้าเร่เข้ามาซื้อขายสินค้าเกษตรในชุมชน และพบว่าตนเองและมีเพื่อนบ้านหลายคนได้นำเห็ดตับเต่ามาปรุงรสอาหารกิน จึงแสดงความต้องการว่า ถ้ามีเห็ดตับเต่าปริมาณมากก็จะขอรับซื้อไปขายที่ตลาดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้วย
ต้นโสนเป็นพืชอาศัยเพื่อเพาะเห็ด ดอกโสนนำไปลวกนึ่งกินกับน้ำพริก
เมื่อมีทางเลือกที่ดี จึงใช้พื้นที่ 1 งาน ทดลองเพาะเห็ดตับเต่าในดงโสน การเพาะเลี้ยงได้ใช้วิธีการลองแบบธรรมชาติ ปรากฏว่าได้ผลผลิตเกือบ 10 กิโลกรัม นำออกขายให้กับพ่อค้า ได้ 20 บาท ต่อกิโลกรัม และระหว่างที่เพาะเห็ดเพื่อนบ้านได้เข้ามาเรียนรู้วิธีการเพาะเลี้ยงเห็ดตับเต่าไปด้วยกัน พร้อมกับนำไปปฏิบัติในพื้นที่ของตนเอง ทำให้ทุกคนประสบความสำเร็จมีเห็ดตับเต่ากินและขายเป็นรายได้มีวิถีที่มั่นคงขึ้น
ป้าเดือนเพ็ญ รื่นรส ทยอยตัดต้นโสนแก่ออกทิ้ง
เมื่อมีทางเลือกที่ดี จึงใช้พื้นที่ 1 งาน ทดลองเพาะเห็ดตับเต่าในดงโสน การเพาะเลี้ยงได้ใช้วิธีการลองแบบธรรมชาติ ปรากฏว่าได้ผลผลิตเกือบ 10 กิโลกรัม นำออกขายให้กับพ่อค้า ได้ 20 บาท ต่อกิโลกรัม และระหว่างที่เพาะเห็ดเพื่อนบ้านได้เข้ามาเรียนรู้วิธีการเพาะเลี้ยงเห็ดตับเต่าไปด้วยกัน พร้อมกับนำไปปฏิบัติในพื้นที่ของตนเอง ทำให้ทุกคนประสบความสำเร็จมีเห็ดตับเต่ากินและขายเป็นรายได้มีวิถีที่มั่นคงขึ้น
ปี 2549 เพื่อนเกษตรกรจึงรวมตัวกัน แล้วไปขอจัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเห็ดตับเต่าคลองโพ ที่สำนักงานเกษตรอำเภอบางปะอิน ปัจจุบัน มีสมาชิก 107 คน มีเป้าหมายเพื่อรวมกันผลิตรวมกันขาย ดำเนินกิจกรรมต่างๆ ในชุมชน พร้อมกับมีหน่วยงานภาคเอกชนและรัฐได้เข้ามาให้การสนับสนุนความรู้ด้านวิชาการและเสริมทักษะด้วย
สมาชิกแต่ละรายจะเพาะเลี้ยงเห็ดตับเต่าในบริเวณพื้นที่ดงโสนของตน ใช้พื้นที่เพาะตั้งแต่ 1 งานขึ้นไป บางรายใช้พื้นที่เพาะเห็ด 7-10 ไร่ แต่ละรายจะได้ผลผลิตเห็ดเฉลี่ย 600 กิโลกรัม ต่อไร่ ต่อฤดู โดยส่วนตัวได้เพาะเห็ดตับเต่าในดงโสน พื้นที่ 7 ไร่ โดยใช้ต้นโสนเป็นพืชอาศัยให้เห็ดตับเต่าเจริญเติบโต
วิธีการเพาะเลี้ยง จะเริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคมถึงมกราคม เป็นช่วงที่ต้นโสนเริ่มแ ก่ เมล็ดโสนแ ก่จะร่ว งลงในบริเวณพื้นที่ก็ปล่อยให้งอกและเจริญเติบโตขึ้นมาเป็นต้นใหม่ เมื่อต้นโสนมีความสูงประมาณ 1 ฟุต ได้ถอนแยกให้เหลือต้นที่สมบูรณ์ไว้พร้อมกับเว้นระยะระหว่างต้นและแถวห่างกัน 70×70 เซนติเมตร เพื่อให้ดงโสนโปร่ง เมื่อต้นโสนมีความสูง 1 เมตรขึ้นไป ก็เหมาะสมที่จะให้เป็นพืชอาศัยในการเพาะเห็ดตับเต่าได้ดี
เมล็ดโสนร่ว งที่เจริญเติบโตเป็นต้นใหม่ เพาะได้ระยะเหมาะสมเพื่อการเพาะเห็ด
ในราวเดือนมีนาคม-เมษายน ได้ปรับบริเวณพื้นที่ดงโสนให้เสมอกัน รดน้ำเพื่อปรับพื้นที่ให้มีความชื้นที่เหมาะสม นำเชื้ อเห็ดตับเต่าที่มีส่วนผสมของเชื้ อเห็ด 1 ส่วน กับน้ำ 3 ส่วน คนให้เข้ากัน นำไปตักรดให้กระจายรอบๆ โคนต้นโสน หลังจากนั้นถ้าสังเกตพบว่าดินในบริเวณพื้นที่เพาะเห็ดแห้งก็รดน้ำเพิ่ม เพื่อปรับสภาพพื้นที่ให้มีความชื้นพอเพียง แต่ถ้าดินในบริเวณพื้นที่เพาะยังมีความชื้นดีอยู่ ใน 2-3 วัน จึงจะให้น้ำเพื่อรักษาความชื้น และถ้าสังเกตว่าเชื้ อเห็ดไม่เดิน  ต้องผสมเชื้ อเห็ดแล้วนำมาตักรดให้กระจายเพิ่มลงไปบริเวณพื้นที่เดิมนั้นอีกครั้ง
เก็บเห็ดตับเต่าอย่าให้ช้ำ
คัดเลือกเห็ดตับเต่าบรรจุถุงพร้อมขายให้พ่อค้า
แต่ถ้าสังเกตว่าเชื้อเห็ดที่ตักรดกระจายในครั้งแรกมีการเดินหรือเจริญเติบโตได้ดีในช่วง 30-40 วัน ก็จะเริ่มเก็บเห็ด โดยเฉลี่ยพื้นที่กว้าง 2 เมตร และยาว 20 เมตร จะเก็บเห็ดได้ประมาณ 20 กิโลกรัม นำออกขาย ราคา 120-130 บาท ต่อกิโลกรัม มีเห็ดตับเต่าให้เก็บทุก 7 วัน ต่อครั้ง และเก็บได้นาน 4 เดือนกว่า จากนั้นก็จะเป็นช่วงพักแปลง
เลี้ยงเป็ดทุ่งเป็นอาหาร
ในช่วงพักแปลงนี้ได้ปลูกพืชผักสวนครัว ปลูกกล้วย เลี้ยงเป็ดหรือเลี้ยงไก่ เพื่อเป็นอาหารและขายสร้างรายได้ จากกิจกรรมผสมผสานกันหลายชนิด จึงมีงานให้ทำทั้งปี มีกินมีรายได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะเห็ดตับเต่าพืชเศรษฐกิจสำคัญเป็นชนิดที่มีผู้ชื่นชอบและซื้อไปบริโภคกันแพร่หลาย จึงทำให้มีรายได้พอเพียงในการดำรงชีพอยู่ได้อย่างมั่นคง
เรื่อง เห็ดตับเต่า…พืชเศรษฐกิจในดงโสน ผลิตเพื่อการค้าด้วยวิถีพอเพียง เป็นการเพาะเห็ดตับเต่าในดงโสนพืชอาศัย เมื่อได้ระยะเวลาเหมาะสมก็เก็บมากินและขายสร้างรายได้ เป็นทางเลือกการดำรงชีพด้วยวิถีพอเพียงที่มั่นคง สอบถามเพิ่มเติมที่ ป้าเดือนเพ็ญ รื่นรส 53 หมู่ที่ 3 บ้านสามเรือน ตำบลสามเรือน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โทร.(087) 014-6038 หรือ คุณวิภาดา สุภานันท์ สำนักงานเกษตรอำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โทร. (081) 347-8495 ก็ได้ครับ